เมนู

สุนัข มีสุนัขปรากฏ...ในที่แมลงวันตอมเป็นหมู่ ไม่รับปลา...เนื้อ, ไม่ดื่ม
สุรา...เมรัย...น้ำเจือด้วยแกลบ (น้ำอุ) คือ ท่านเหล่านั้น รับเรือนเดียว บริโภคคำ
เดียวบ้าง, รับสองเรือน บริโภคสองคำบ้าง ฯลฯ รับเจ็ดเรือน บริโภคเจ็ดคำ
บ้าง. ยังชีวิตให้เป็นไปด้วยถาดใบเดียวบ้าง, ด้วยถาดสองใบบ้าง, ฯลฯ
...เจ็ดใบบ้าง, นำอาหารมาวัน 1 บ้าง, ...2 วันบ้าง ฯลฯ 7 วันบ้าง,
ท่านประกอบความเพียรด้วยการบริโภคตามวาระ สิ้นกาลประมาณกึ่งเดือน
บ้าง อยู่ด้วยประการดังนี้.
พ. อัคคิเวสสนะ ก็ท่านเหล่านั้น ยังชีวิตให้เป็นไปด้วยการบริโภค
ภัตตาหาร เพียงเท่านั้นหรือ
ส. ข้อนี้ หามิได้เลย, พระโคดม บางคราว ท่านก็ขบฉันของควรขบ
ฉันที่ประณีตๆ ฉันโภชนะที่ประณีต ๆ ลิ้มของลิ้มที่ประณีต ๆ ดื่มน้ำควรดื่ม
ที่ประณีตๆ ท่านเหล่านั้น ชื่อว่ายังกายนี้ให้ถือเอากำลัง ชื่อว่า ให้เติบโต
ให้เกิดไขมัน.
พ. อัคคิเวสสนะ ท่านเหล่านั้น ละการทำสิ่งที่ยากมีในก่อนเสีย
แล้ว ทำให้อิ่มหนำสำราญในภายหลัง ความเจริญแลความเสื่อมย่อมมีแก่กาย
นี้อย่างนี้.

ว่าด้วยกายภาวนา และจิตตภาวนา



[408] อัคคิเวสสนะ ก็จิตตภาวนา ท่านได้ฟังมาแล้วว่ากระไรเล่า
สัจจกนิคันถบุตร อันพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงถามในจิตตภาวนาแล้ว
ไม่สามารถจะกราบทูลได้. ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสพุทธพจน์
นี้ กะสัจจกนิคันถบุตรว่า "อัคคิเวสสนะ ถึงกายภาวนาใด มีอยู่แต่ก่อน
ที่ท่านได้เจริญแล้ว แม้กายภาวนานั้น ไม่เป็นธรรม ในอริยวินัย อัคคิเวส

สนะ แม้แต่กายภาวนา ท่านยังไม่รู้เสียแล้ว, ไหนท่านจะรู้ไปถึงจิตตภาวนาได้
เล่า. อัคคิเวสสนะ ก็แต่ว่า อย่างไรจะไม่ใช่เป็นผู้มีกายอันเจริญแล้วก็ดี
จะไม่ใช่เป็นผู้มีจิตอันเจริญแล้วก็ดี, จะเป็นผู้มีกายอันเจริญแล้วก็ดี จะเป็นผู้มี
จิตอันเจริญแล้วก็ดี, ท่านจงฟังอย่างนั้น ทำไว้ในใจ ให้สำเร็จประโยชน์,
เราจักกล่าวให้ฟัง, สัจจกนิคันถบุตร ยอมรับต่อพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
อย่างนั้นแลพระองค์.
[409] พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสพุทธพจน์นี้ว่า อัคคิเวสสนะอย่าง
ไร จะเป็นผู้ชื่อว่าไม่ใช่ผู้มีกายอันเจริญแล้วด้วย จะไม่ใช่เป็นผู้ชื่อว่าผู้มีจิตอัน
เจริญแล้วด้วย อัคคิเวสสนะ เมื่อปุถุชน ณ โลกนี้ ไม่ใช่เป็นผู้สดับแล้ว
สุขเวทนา เกิดขึ้น, เขาเป็นผู้ถูกสุขเวทนาถูกต้อง ย่อมเป็นผู้มีความกำหนัด
ต่อสุขเวทนา แลถึงความเป็นผู้มีความกำหนัดต่อสุขเวทนาด้วย, สุขเวทนานั้น
ของเขาดับไป, เพราะสุขเวทนาดับไป, ทุกขเวทนา ย่อมเกิดขึ้น, เขาเป็นผู้ถูก
ทุกขเวทนาถูกต้อง ย่อมเศร้าใจ ลำบาก ร่ำไร คร่ำครวญทุบอก ถึงความ
หลงใหลไป, สุขเวทนานั้น แม้เกิดขึ้นแล้วแก่เขา ก็ครอบงำ จิตตั้งอยู่ เพราะ
ความที่ภายเป็นของที่ตนไม่ได้เจริญไว้, ทุกขเวทนาแม้เกิดขึ้นแล้ว ก็ครอบงำ
จิต ตั้งอยู่ เพราะความที่จิตเป็นของที่ตนไม่ได้เจริญไว้. อัคคิเวสสนะ สุขเวทนา
แม้เกิดขึ้นแล้ว ก็ครอบงำจิต ตั้งอยู่ เพราะความที่กายเป็นของที่ตนไม่ได้
เจริญไว้, ทุกขเวทนาแม้เกิดขึ้นแล้ว ก็ครอบงำจิต ตั้งอยู่ เพราะความที่จิต
เป็นของที่ตนไม่ได้เจริญไว้. อัคคิเวสสนะ อย่างนี้แลเป็นผู้ชื่อว่า ไม่ใช่เป็นผู้มี
กายอันเจริญแล้วด้วย ไม่ใช่เป็นผู้มีจิตอันเจริญแล้วด้วย.
อัคคิเวสสนะ ก็อย่างไรเล่า ชื่อว่าเป็นผู้มีกายอันเจริญแล้วด้วย ชื่อว่า
เป็นผู้มีจิตอันเจริญแล้วด้วย อัคคิเวสสนะ เมื่ออริยสาวก ผู้ได้สดับแล้ว
ในธรรมวินัยนี้ สุขเวทนาเกิดขึ้น, เธอถูกสุขเวทนาถูกต้อง มิได้เป็นผู้มีความ
กำหนัดสุขเวทนา มิได้ถึงความเป็นผู้มีความกำหนัดสุขเวทนา สุขเวทนาของ

เธอนั้นดับไป, เพราะสุขเวทนาดับไป ทุกขเวทนาย่อมเกิดขึ้น เธอถูกทุกขเวทนา
ถูกต้อง ไม่เศร้าใจ ไม่ลำบาก ไม่ร่ำไร ไม่คร่ำครวญทุบอก ไม่ถึงความ
หลงใหลไป. อัคคิเวสสนะ สุขเวทนานั้น แม้เกิดขึ้นแล้ว แก่เธอ ก็ไม่ครอบงำ
จิตตั้งอยู่ได้เพราะความที่กายเป็นของที่เธอได้เจริญไว้, ทุกขเวทนา แม้เกิด
ขึ้นแล้ว ก็ไม่ครอบงำจิตตั้งอยู่ได้ เพราะความที่จิตเป็นของที่เธอได้เจริญ
ไว้. อัคคิเวสสนะ สุขเวทนาแม้เกิดขึ้นแล้ว เป็นสองฝ่ายแก่ใครๆ อย่างนี้
ก็ไม่ครอบงำจิตตั้งอยู่ได้ เพราะความที่กายเป็นของที่ตนได้เจริญไว้. ทุกข
เวทนาแม้เกิดขึ้นแล้ว ก็ไม่ครอบงำตั้งอยู่ได้ เพราะความที่จิตเป็นของที่ตนได้
เจริญ. อัคคิเวสสนะ อย่างนี้แล ชื่อว่าเป็นผู้มีกายอันเจริญแล้วด้วย ชื่อว่าเป็น
ผู้มีจิตอันเจริญแล้วด้วย.
ส. ข้าพเจ้าได้เลื่อมใสต่อพระโคดมอย่างนี้ว่า อันที่จริง พระ
โคดม ได้เป็นผู้มีกายอันเจริญแล้วด้วย เป็นผู้มีจิตอันเจริญแล้วด้วย.

ทรงชี้แจงเรื่องเวทนา



[410] พ. อัคคิเวสสนะ วาจานี้ ท่านนำเข้ามาพูดกระทบอย่างแน่
แท้ ก็แต่ว่า เราจักพยากรณ์แก่ท่าน, อัคคิเวสสนะ เมื่อใดแล เราได้ปลงผม
แลหนวดครองกาสาวพัสตร์ออกจากเรือน บวช สุขเวทนาที่เกิดขึ้นแล้ว
จักครอบงำจิตของเราตั้งอยู่หรือ หรือทุกขเวทนา ที่เกิดขึ้นแล้วจักครอบงำจิต
ของเราอยู่หนอ ดังนี้ นี่มิใช่ฐานะอันจะมีได้.
ส. สุขเวทนาเห็นปานใด ที่เกิดขึ้นแล้ว พึงครอบงำจิตตั้งอยู่, สุขเวทนา
เห็นปานนั้น จะไม่เกิดขึ้นแก่พระโคดมเลยเป็นแน่, ทุกขเวทนาเห็นปาน
ใด ที่เกิดขึ้นแล้ว พึงครอบงำจิตตั้งอยู่, ทุกขเวทนา เห็นปานนั้น จะไม่บังเกิด
ขึ้นแก่พระโคดมเลยเป็นแน่.